เรื่องเล่าจากชาวครัว ตอนที่ 5 : ตะไคร้ ความหอมในสรรพคุณ

แผ่นดินไทยอันอุดมไปด้วยพืชพรรณนานาชนิด มีสมุนไพรหนึ่งที่โดดเด่นด้วยกลิ่นหอมเฉพาะตัวและคุณประโยชน์อันล้ำค่า นั่นคือ ตะไคร้ พืชสมุนไพรที่มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Cymbopogon citratus ซึ่งมีถิ่นกำเนิดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และได้แพร่หลายไปยังภูมิภาคอื่นๆ ทั่วโลก

ตะไคร้เป็นพืชในตระกูลหญ้าที่มีลำต้นอวบอ้วน ใบยาวเรียวคล้ายใบหญ้า มีกลิ่นหอมคล้ายมะนาวอ่อนๆ ด้วยลักษณะเฉพาะนี้ ตะไคร้จึงได้รับการขนานนามในภาษาอังกฤษว่า "lemongrass" ซึ่งแปลตรงตัวได้ว่า "หญ้ามะนาว" สะท้อนให้เห็นถึงกลิ่นอันเป็นเอกลักษณ์ของมัน

ในตำรายาโบราณของไทย ตะไคร้ถูกบันทึกไว้ว่ามีสรรพคุณทางยามากมาย ส่วนที่นำมาใช้มักเป็นส่วนโคนที่อวบอ้วนของลำต้น ซึ่งมีน้ำมันหอมระเหยที่เรียกว่า "ซิทรัล" (citral) อันเป็นสารสำคัญที่ให้กลิ่นหอมและรสชาติเฉพาะตัว นอกจากนี้ ตะไคร้ยังอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุที่จำเป็นต่อร่างกาย

ทางการแพทย์แผนไทย ตะไคร้ถูกใช้เป็นยาขับลม แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ ช่วยเจริญอาหาร และยังมีฤทธิ์ในการต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์ในร่างกาย นอกจากนี้ ยังมีคุณสมบัติในการลดไข้ บรรเทาอาการหวัด และช่วยขับปัสสาวะ ด้วยสรรพคุณอันหลากหลายนี้ ตะไคร้จึงเป็นทั้งอาหารและยาที่อยู่คู่ครัวไทยมาอย่างยาวนาน

ด้านการปรุงอาหาร ตะไคร้ถือเป็นเครื่องเทศที่ขาดไม่ได้ในอาหารไทยหลายชนิด โดยเฉพาะอาหารประเภทต้มยำ แกงเผ็ด และอาหารทะเล กลิ่นหอมของตะไคร้ช่วยดับกลิ่นคาวของเนื้อสัตว์ได้อย่างดีเยี่ยม ในขณะเดียวกันก็เพิ่มความสดชื่นให้กับอาหาร ทำให้รสชาติกลมกล่อมยิ่งขึ้น

นอกจากการใช้ในอาหารและยา ตะไคร้ยังถูกนำไปใช้ในอุตสาหกรรมความงามและสปา น้ำมันหอมระเหยจากตะไคร้มีคุณสมบัติในการผ่อนคลาย ลดความเครียด และยังช่วยบำรุงผิวพรรณ จึงมักพบว่ามีการใช้ตะไคร้เป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์บำรุงผิว สบู่ และน้ำมันนวด

ด้วยคุณประโยชน์อันหลากหลายและกลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์ ตะไคร้จึงเป็นสมุนไพรที่ทรงคุณค่า ทั้งในแง่ของการเติมเต็มรสชาติอาหารและการส่งเสริมสุขภาพ นับเป็นมรดกทางธรรมชาติที่ล้ำค่าของแผ่นดินไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

สัมผัสรสชาดอาหารตามสูตรต้นตำรับ ยึดความปราณีตในการปรุงตามแบบฉบับอาหารถวายพระ ย้อนรอยอดีตด้วยบรรยากาศที่เสมือนทุกท่านได้ย้อนกลับไปยังวันวานแห่งเมืองสยามได้ทุกวันที่ร้าน "ณ บวร"

#ณบวร #nabowon #อาหารไทยต้นตำรับ